ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 6 วัน 6 คืน 3 จังหวัด ระยะทาง 2300 km
ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ค่ำไหนนอนนั่น นอนลานกางเต้นท์ทั้งหมด 5 จุด
1.ลานกางเต้นท์ อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ. ตาก
2.ลานกางเต้นท์ ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
3.ลานกางเต้นท์ ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน
4.ลานกางเต้นท์ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ. เชียงใหม่
5.ลานกางเต้นท์ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมานสันป่าเกี๊ยะ จ. เชียงใหม่
แต่ละที่ต่างก็มีจุดเด่นและความสวยงามแตกต่างกันออกไป พร้อมแล้วตามรีวิวไปรับชมพร้อมกันค่ะ
สามารถรับชมในรูปแบบวีดีโอได้ผ่านทาง YOUTUBE ช่อง hadcamping
ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ค่ำไหนนอนนั่น นอนลานกางเต้นท์ทั้งหมด 5 จุด
1.ลานกางเต้นท์ อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ. ตาก
2.ลานกางเต้นท์ ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
3.ลานกางเต้นท์ ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน
4.ลานกางเต้นท์ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ. เชียงใหม่
5.ลานกางเต้นท์ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมานสันป่าเกี๊ยะ จ. เชียงใหม่
แต่ละที่ต่างก็มีจุดเด่นและความสวยงามแตกต่างกันออกไป พร้อมแล้วตามรีวิวไปรับชมพร้อมกันค่ะ
สามารถรับชมในรูปแบบวีดีโอได้ผ่านทาง YOUTUBE ช่อง hadcamping
เริ่มออกเดินทางกันเลยค่ะ เริ่มจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่ จ.ตาก เลาะเข้าแม่สอด
วิ่งเลาะชายแดน ทางหลวง 105 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ก่อนเข้าสู่อุทยานแห่งชาติแม่เมย
เริ่มแวะกันที่นี่ก่อนเลยค่ะ น้ำพุร้อนแม่กาษา
ที่นี่มีความเป็นธรรมชาติมาก ยังไม่มีการเก็บค่าเข้าชมสถานที่ค่ะ
น้ำพุร้อนที่นี่มีเพียงบ่อนี้บ่อเดียวค่ะ
ไม่สูงมาก สามารถลวกไข่ที่ตรงนี้ได้เลย
เรา 2 คนก็ได้ลวกไข่กินกันใช้เวลานานหน่อย 10 นาที
กว่าจะเป็นไข่ออนเซน รสชาติอร่อยมากค่ะ
ถัดจากบ่อน้ำพุร้อนจะต่อท่อออกมาให้แช่เท้ากันได้ฟรีๆเลย
ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนที่จัดไว ้ให้แช่เท้ากันได้
ขับรถนั่งรถมาเหนื่อยๆ ได้มาเเช่เท้าผ่อนคลายขึ้นม าก
แต่ต้องระวังหน่อยค่ะ ค่อยๆจุ่มเท้าลงไปเพราะมันร ้อนมาก บริเวณนี้น้ำต่อตรงจากน้ำพุ ร้อนเลย
วันที่ไปคนน้อยมาก แทบไม่มีคนเลย ทำให้ได้นั่งชิลๆชมบรรยากาศ สบายๆ
ขับรถนั่งรถมาเหนื่อยๆ ได้มาเเช่เท้าผ่อนคลายขึ้นม
แต่ต้องระวังหน่อยค่ะ ค่อยๆจุ่มเท้าลงไปเพราะมันร
วันที่ไปคนน้อยมาก แทบไม่มีคนเลย ทำให้ได้นั่งชิลๆชมบรรยากาศ
นี่ไงไข่ออนเซ็นของเรา 555 ไข่แดงยางมะตูม ไข่ขาวไม่แข็ง
หูยอร่อยมากค่ะ ต้องมาลองกันเองค่ะ
ก่อนจะถึงอุทยานแห่งชาติแม่เมย
ก็ดันเจอป้ายถ้ำแม่อุสุ
เอ้า..ไหนๆก็ผ่านแวะหน่อยสิ
โอ้โห้ ไม่ผิดหวังค่ะ เรียกว่า Unseen Thailand ได้เลย
ถ้ำนี้เป็นถ้ำน้ำ ช่วง 100 เมตรแรก เราต้องฝ่าความมืด และเดินลุยน้ำเข้าไป
ความลึกของน้ำก็ประมาณเหนือเข่านิดหน่อยค่ะ
แต่เอาเข้าจริงดันเดินไม่ตรงทางมีบางจุดลึก ก็ ถึงตูดค่ะ
ใครจะแวะเข้ามาก็เตรียมตัวให้พร้อมค่ะ
ในถ้ำช่วงแรกจะมืดสนิท ควรเตรียมไฟฉายกำลังสูงๆมาด้วยนะ
หินงอกหินย้อย ที่นี่ สวยงาม อลังการมาก
ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในโลกดึกกำบรรพ์
ฝ่าความมืดมาเจอแสงในถ้ำ
เวลาที่เหมาะสม ถ้ำสวยที่สุด คือ ช่วงบ่าย 3 ค่ะ
แสงจะส่องเข้าถ้ำพอดี สวยมาก
ในถ้ำนี้ก็ต้องเดินผจญภัยนิดๆค่ะ ต้องปีนหิน
ผ่านห้องต่างๆถึง 3 ห้อง
แต่ละห้องก็มีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตามากมาย
ปล.ที่เห็นในรูป เป็นสีตามธรรมชาติค่ะ ไม่มีการฉายไฟหรือจัดแสงใดๆเลย
แสงกำลังส่องเข้าถ้ำเลย ถ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย ไกด์เด็กบอกแสงจะเข้ามาเต็ม
แล้วหินงอกหินย้อยที่โถงใหญ่ จะเปลี่ยนเป็นสีทอง
จะอยู่รอดูก็เกรงใจเด็กๆ เลยกลับดีกว่า
อ่ากลับแล้ว ต้องรีบไปอุทยานแห่งชาติแม่เมยต่อ
เดี๊ยวจะค่ำสะก่อนค่ะ
ขาออกจากถ้ำ พอจะถ่ายรูปได้บ้าง มีแสงจากปากถ้ำส่องเข้ามา
มาถึงกันสักที อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก
แล้วเราก็หาทำเลกางเต้นท์
ที่นี่สามารถกางเต้นท์ได้หลายจุดเลย
ทั้งบนม่อนครูบาใส ม่อนพูนสุดา ม่อนกิ่วลม
แต่สุดท้ายเราก็เลือกกางบริเวณนี้ค่ะ
กางเต้นท์ที่ไหนมีน้ำไว้ก่อนถือว่าใช้ได้ 555
กางเต้นท์ริมน้ำตกแบบนี้ เป็นอะไรที่ชิลสุดๆค่ะ
ห้องน้ำบริเวณนี้ก็สะดวกสบาย
สามารถอาบน้ำได้
แต่ถ้ากางบนม่อนจะเป็นห้องสุขาเท่านั้นค่ะ
เดินทางมาเหนื่อยๆขอนอนสบายไว้ก่อน ค่อยตื่นแต่เช้าขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น กับทะเลหมอกเอาค่ะ
จากที่เรากางเต้นท์ มองไปทางซ้ายก็จะเจอธารน้ำแบบนี้ สดชื่นดีนะ
เช้าแล้ว ตื่นกันตี 5 ครึ่ง ไปดูพระอาทิตย์ที่ม่อนกิ่วลม
ขับขึ้นไปอีก 12 กิโลเมตีค่ะ
ที่นี่ก็เป็นจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย ถึงแม้วันนี้จะไม่เห็นขึ้นมาเป็นลูกๆ
มันก็สวยในแบบของมันอยู่ดี
ม่อนกิ่วลม นอกจากจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ก็ยังมีทะเลหมอกให้เห็นค่ะ
ทะเลหมอกเคล้ากับแสงพระอาทิตย์ยามเช้า ก็ทำให้จิตใจสบายขึ้นมากเลย
ลงจากม่อนกิ่วลม ระหว่างทางก็จะพบกับน้ำตกแม่ระเมิง อยู่ริมถนนเลย
เป็นน้ำตกเล็กๆที่มีสเน่ห์มากเลย
ม่อนพูนสุดา
อีกจุดชมวิวทะเลหมอก ที่สวยงามมาก
จากลานจอดรถเดินไปอีก 100 เมตร ก็จะพบกับ
จุดชมทะเลหมอกจุดนี้เลย
คนน้อยเงียบสงบกว่า ตรงหม่อนครูบาใสมากเลยค่ะ
ซูมดูเธอใกล้ๆหน่อยสิ
สวยงามสมการรอคอยที่จะได้เจอกันมากเลย
ถึงแม้จะไม่ได้มาเยอะเหมือนที่เห็นผ่านภาพถ่าย
แต่แค่นี้ก็ถือเป็นรางวัลชีวิตของนักเดินทางแล้วค่ะ
เธอคือสิ่งที่ฉันตามหา 55
อิ่มเอมใจกับวิวมากมายเลย
มาต่อที่ม่อนครูบาใส
บริเวณนี้ เป็นจุดกางเต้นท์รอชมทะเลหมอกที่คนนิยมกันมากเลย
เเละมันก็สวยสมคำล่ำลือจริงๆค่ะ
ออกจากอุทยานแห่งชาติแม่เมย
ก็ไปตามล่าดอกบัวตองที่ ดอยแม่อูคอกันต่อเลย
เอ๊ะ แต่ทำไมนะ มันไม่เหลืองเหมือนในรูปถ่าย
ก้เราดันมาตอนที่ดอกโรยแล้วอ่าสิช้าไป 1 อาทิตย์
มาที่นี่กางเต้นท์ตรงไหนดี เมื่อคืนมาก็ดึกมาก
มืดไปหมด มองอะไรไม่เห็นเลย
เราก็เลย กางมันข้างถนนนี่แหละ 55
ตามคอนเวป ค่ำไหนนอนนั่นค่ะ
แต่จริงๆแล้วที่นี่มีลานกางเต้นท์บริการค่ะ
จะอยู่บนศาลาแปดเหลี่ยม
นี่ก็คือ ดาวบนฟ้า ที่ดอยแม่อูคอ
สวยมาก เยอะมาก เยอะแบบหูยเต็มฟ้าเลยอ่า
ที่สำคัญมีฝนดาวตกด้วยนะ
นั่งๆมองอยู่ดาวก็ตกลงมา รางวัลของการเดินทางอีกครั้งค่ะ
ถึงแม้จะตกไม่เยอะ ไม่บ่อยแต่เราก็สนุกกับการนั่งมองนั่งหา ว่าดวงไหนจะตกต่อนะ มันสุขใจสุดๆเลยค่ะ
ลืมความเครียดลืมทุกอย่างไปเลย อยากจะอยู่แบบนี้นานๆจัง
เช้าแล้ว เดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันสะหน่อย
มองลงมาจากข้างบนก็จะเห็นศาลาแปดเหลี่ยมจุดที่คนมากางเต้นท์กัน
วิวนี้สวยมาก ถนนคดโค้ง วิวเขาสลับซับซ้อน แอบเห็นเต้นท์เราด้วย มีเพื่อน
รวมนอนกลางถนนอีก 2-3 หลัง
ถึงจะเหี่ยวไปสะเยอะ ก็พอยังมีดอกสวยๆให้ได้เห็นบ้าง
เก็บเต้นท์เก็บของ เดินทางกันต่อเลยค่ะ
สถานที่ต่อไปคือ น้ำตกแม่สุรินทร์
น้ำตกที่นี่จะตกจากหน้าผาสูง
เช่นเดิม ถ้าเรามาเร็วกว่านี้ เราก็จะได้เห็นดอกบัวตองบานที่นี่ด้วย
จากจุดเมื่อกี้ เดินลงมาอีกหน่อยก็จะสามารถเดินลงมา
ชมวิวได้อีกจุดหนึ่งค่ะ
สวย ยิ่งใหญ่มากค่ะ ต้องไปดูความสวยงามกับตาค่ะ ถ่ายรูปยังไงก็ไม่สวยเหมือนตาเห็น
บริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ มีการปลูกไม้ดอกเมืองหนาว ไว้อย่างสวยงามค่ะ
ดอกเสี้ยนผี หรือเปล่านะ เห็นคนเค้าว่ากันอย่างนั้น
สีขาว สวยสะอาดตา
ดอกพรหมราชินี
ทุ่งดอกไม้
อันนี้ดอกไรไม่รู้ แต่สวยดีค่ะ
ออกจากน้ำตกแม่สุรินทร์มุ่งหน้าสู่ปางอุ๋ง
เราเลือกเลี้ยวซ้ายผ่านทางบ้านหนองเขียว
แทนการวิ่งเข้าเส้นหลัก
ถนนเส้นนี้สวยมากเลย วิ่งลัดเลาะเขา ผ่านหมู่บ้าน
โค้งเยอะ บางโค้งก็หักศอก วิ่งผ่านหุบเขาสลับซับซ้อน
ถึงแล้ว ปางอุ๋ง
อยากมาที่นี่มานานมากแล้ว
วันนี้เราก็มาถึง บริเวณลานกางเต้นท์คนเยอะมาก เราจึงหลบมาแถบนอกๆ แถบนี้ไม่ค่อยมีคนกางกัน
เนื่องจากพื้นที่มันเอียง
เราจึงเลือกกางกันติดต้นสนเพื่อว่านอนๆจะกลิ้งลงไปยังไงก็ติดต้นสน ไม่ตกลงน้ำ 555
พื้นเอียงๆ กับเต้นท์เอียงๆ
มุมนี้ วิวสวยมาก
แต่เรามาช้า แอบถ่ายเต้นท์อื่นเอา
ไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ที่ยามเช้า
แสงแดด และหมอกเหนือน้ำ ให้ความโรแมนติกสุดๆ
หงส์ดำ พระเอกนางเอกที่นี่
หงส์ขาว เจอตัวตอนสายๆ
เลยอดถ่ายกับหมอกเหนือน้ำด้วยเลย
ปางอุ๋ง ดินแดนโรแมนติก
ออกจากปางอุ๋งก็เลยแวะมาเที่ยวที่บ้านรักไทยกันต่อค่ะ
ลีไวน์บ้านรักไทย
แวะะเที่ยวถ้ำปลาค่ะ
ปลาในถ้ำ
มากางเต้นท์กันต่อที่ห้วยน้ำดัง
มาถึงก็มืดมากแล้วไม่ได้กางตรงลานกางเต้นท์ยอดฮิตเลย
เรากลางตรงลานจอดรถเลยค่ะ
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พร้อมทะเลหมอกสวยๆ
บนลานกางเต้นท์ห้วยน้ำดัง มีร้านค้าชาวบ้านให้บริการด้วยค่ะ
ดอกท้อหรือเปล่า มีบานอยู่ต้นนึงบนห้วยน้ำดัง ตรงลาน D
โป่งเดือด UNSEEN THAILAND ที่นี่สวยมาก
น้ำพุที่นี่จะพุ่งสูงสุดถึง 1 เมตร
แต่เดิมนั้น เคยพุ่งสูงถึง 4 เมตร
ที่นี่เป็นส่วนนึงของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
มีการจัดสถานที่ บ้านพัก
และบ่อแช่น้ำแร่ไว้อย่างสวยงาม
บริเวณนี้เป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่สามารถ
ลงแช่น้ำได้เลย แต่ตรงนี้จะร้อนมาก
แช่เท้า สบายมาก
บริเวณนี้จะเป็นสระน้ำแร่
ที่สร้างไว้อย่างกลมกลืนธรรมชาติ
ค่าลงแช่น้ำแร่แค่ 20 บาทเท่านั้นค่ะ
นอกจากสระน้ำแร่ด้านนอก ยังมีส่วนเป็นห้องที่แยก หญิงชายไว้ บริการ
ค่าบริการก็รวมกันแค่ 20 บาทค่ะ
จ่ายครั้งเดียวจะลงสระไหนก็ได้ ฟินสุดๆค่ะ
จุดหมายสุดท้ายของเรา
ยอดดอยแม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ
มานอนชมยอดดอยหลวงเชียงดาว กับอากาศเย็นๆค่ะ
ที่นี่สวยสมกับทางที่เราบุกบันขึ้นมาเลยค่ะ
ภาพนี้แหละ บรรยากาศแบบนี้แหละ ที่ทำให้เราต้องหลงเสน่ห์กับการนอนเต็นท์ ครั้งแล้วครั้งเล่า
จบทริปนี้เเล้ว ถ้าจะถามเราว่าที่ไหนสวยสุด ที่ไหนน่าไปสุด
มันเป็นอะไรที่ตอบยากค่ะ ทุกๆที่ทุกๆสถานการณ์ล้วนน่าประทับใจเสมอ
และถึงแม้จะเป็นที่เดียวกัน แต่มาคนละเวลาความสวยงามก็มักจะแตกต่างกันออกไปเสมอ
เพราะนี่คือ ธรรมชาติ...ค่ะ
พบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น